อยู่บ้านไม่มีอะไรทำ ปาของกันดีกว่า 555

- เด็กปาของเพื่อทดสอบพลังกล้ามเนื้อ เขามิได้ปา เขาอาจจะต้องการวาง แต่เขาเพิ่งเกิดมาไม่นาน จะให้ใช้กล้ามเนื้อชิ้นไหนวาง บริเวณต้นแขนของเขามีกล้ามเนื้อเดลตอยด์ ไบเซ็ป ไตรเซ็ป แบรเคียลิส และโคแรคโคแบรเคียลิส ทั้งนี้ยังไม่นับกล้ามเนื้อที่สะบักและแผงหน้าอก เมเจอร์เป็คตอริส ไมเนอร์เป็คตอริส รวมทั้งกล้ามเนื้อปลายแขนอีกกลุ่มหนึ่ง เขาจะบังคับกล้ามเนื้อเหล่านี้อย่างไรเพื่อวางของให้ถูกตำแหน่งที่ใจต้องการ

เขาจะฝึกฝนจนช่ำชองจึงจะเลิกปา
- เด็กมิได้จะวาง เขาต้องการปาจริงๆ นั่นแหละ เกิดมาไม่นานเพิ่งค้นพบว่าตนเองมีพลังในการทำให้วัตถุเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้โดยไม่ต้องเป็นแม่นาคพระโขนง เขาก็จะปา ดูว่าปาได้ไกลแค่ไหน แรงแค่ไหน เสียงวัตถุกระทบพื้นดังอย่างไร แก้วแตกหรือไม่ เสียงแก้วแตกไพเราะเสนาะหูมากเพียงไร เสียงไข่เจียวตกพื้นดังแผละ มันฟังแล้วเละเทะเพียงใด ดูข้าวต้มที่พุ่งกระจายออกจากฝ่ามือเป็นมุม 30-135 องศาด้วยความแรงเท่าไร
ใช่แล้ว เขาคือนักทดลอง
- เด็กเป็นนักทดลอง ปาไปของตก ปาไปของตก ปาไปของตก ทุกคนเป็นเซอร์ไอแซ็ค นิวตัน โดยกำเนิด เด็กได้เรียนรู้แรงโน้มถ่วง การเปลี่ยนตำแหน่ง ความเร็วในการตกของวัตถุ วิถีโค้ง ฯลฯ คือ Newton’s Physics พวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์โดยกำเนิดจริงๆ
- มากกว่านี้คือของตกแม่เก็บ ของตกแม่เก็บ ของตกแม่เก็บ ทุกคนเป็นฌอง เปียเจต์ โดยกำเนิด มีหนึ่งต้องมีสอง มีหนึ่งต้องมีสอง มีหนึ่งต้องมีสอง คือพัฒนาการที่เรียกว่า juxtaposition

เมื่อไรที่เขาค้นพบว่าของตกแม่เก็บ ของตกแม่เก็บ ของตกแม่เก็บ เป็นเรื่องน่าเบื่อมากเขาก็จะได้สรุปผลการทดลองแล้วหยุด แต่ถ้าเขาพบว่าของตกแม่ด่า ของตกแม่บ่น ของตกแม่หัวเสีย เขาพบว่าของตกสามารถสร้างเรื่องราวหลากหลายรอบตัวไม่ซ้ำกัน แต่ละฉากช่างน่าสนใจว่าแม่จะแปลงร่างได้อีกกี่ร่างจึงจะหมด เขาก็จะปาไปเรื่อยๆ
เวลาก้มหยิบของให้ทำหน้าตาน่าเบื่อเข้าไว้
- มากไปกว่านี้อีกคือปาไปแม่ตี ปาไปแม่ตี ปาไปแม่ตี ที่แท้เขาสามารถควบคุมบังคับแม่ได้ด้วย นี่คือ autonomy อำนาจที่มาโดยอัตโนมัติ ทุกคนเป็นอิริค เฮช อิริคสัน โดยกำเนิด การตีครั้งที่ 1 แล้วลูกหยุดปาเป็นเรื่องหายาก โดยทั่วไปแม่ตีเขาปา แม่ตีเขาปา แม่ตีเขาปา เกิดการวางเงื่อนไขทางลบ (negative conditioning) เด็กกลับจะทำซ้ำๆ เพื่อให้ถูกตี
จะเห็นว่าเป็นอัจฉริยะมาเกิดทั้งนั้น หรืออยากให้ลูกนั่งนิ่งๆ
- เด็กกำลังพัฒนาวงจรประสาทที่ใช้ในการประสานมือและสายตา เรียกว่า hand-eye coordination ซึ่งมิได้เพียงใช้กล้ามเนื้อแขน สะบัก หรือแผงอก แต่เขากำลังพัฒนาสมองน้อยคือ cerebellum เพื่อรับรู้ว่าตนเองกำลังนั่งในท่าใด หลังอยู่ในท่าใด คือ proprioception ความรับรู้ท่าร่างของตนเอง ตาเล็งเป้าหมาย แขนรวบรวมพลัง พร้อมแล้วปาไปให้ถูกตำแหน่ง นี่คือปฐมบทของการทอยกอง อันเป็นรากฐานของการละเล่นที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจคือ economic literacy ฮา ฮา
ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนเอาเงินที่แม่ให้ไปโรงเรียนทุกวันไปซื้อถั่ว ในซองถั่วมีตุ๊กตุ่น (แปลว่าตุ๊กตาตัวน้อย) แถมมาซองละ 1 ตัว บ้างเป็นรูปโกลด้า บ้างเป็นรูปโรดั๊ก (ตัวละครในหุ่นอภินิหารของเท็ตซึกะ โอซามุ ซึ่งสร้างเป็นหนังทีวีเมื่อห้าสิบปีก่อน) เด็กรุ่นเราสะสมตุ๊กตุ่นไปเล่นทอยกอง ผู้เขียนเริ่มด้วยตุ๊กตุ่น 5 ตัวเพราะแม่จับได้ว่าเอาเงินไปซื้อขนมจึงสั่งห้าม จากตุ๊กตุ่นห้าตัวผมเล่นกลับบ้านได้ 2 ถังใหญ่ๆ แม่เอาไปบรรจุถุงละ 5-10 ตัววางขายหน้าบ้าน (แต่ไม่เห็นจะแบ่งเงินเราอยู่ดี)
- เมื่อเด็กทำได้ เด็กก็จะทำ นอกจากเขาทดสอบพลังของตนเองแล้ว เขากำลังทดสอบกติกาของบ้านหลังนี้

พวกเรามีหน้าที่วางกติกา ของชิ้นนี้ปาไม่ได้ ชิ้นนี้ปาได้ ที่ตรงนี้ปาไม่ได้ ที่ตรงนั้นปาได้ ในบ้านปาไม่ได้ นอกบ้านปาได้ เวลานี้ปาไม่ได้ เวลานั้นปาได้ เป็นต้น จะเห็นว่าการห้ามนั้นทำง่ายแต่ได้ผลยาก การวางกติกาทำยากแต่ได้ผลระยะยาว ไม่เพียงทำให้เด็กรู้ว่าการปามีกติกา
ที่แท้แล้วทุกๆ เรื่องมีกติกา เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ที่ไหน และเมื่อไร
- อย่างไรก็ตาม การห้ามโดยไม่ให้ทางออกเลยก็เหมือนการสุมไฟให้ไอน้ำรอระเบิด พ่อแม่ที่ชาญฉลาดจึงควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์นั่นคือจัดลานปาของแข่งกัน คุณพ่ออาจจะเริ่มสะสมกระป๋องเบียร์ (เรียนบรรณาธิการ ไม่อนุญาตให้เซ็นเซอร์ กรุณาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง) แล้วสะสมก้อนหินหากพ่อออกแนวบู๊ หรือสะสมลูกเทนนิสใช้แล้วหากพ่อออกแนวนักกีฬา หรือตุ๊กตาผ้าขนาดเหมาะมือหากแม่เป็นผู้เล่นด้วย จากนั้นท้าดวล ตั้งกระป๋องเบียร์ให้เรียบร้อย เอาสูงเข้าว่า พื้นปูนจะดีกว่าพื้นดินเพราะเสียงกระป๋องเปล่ากระทบพื้นจะมันมาก ลูกหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จากนั้นนัดเวลาลูก เย็นนี้เรามาเจอกัน
ด้วยวิธีนี้เด็กได้ระบาย ได้ฝึกพลัง และได้ควบคุมพลัง
- การเล่นปาของที่หนักหน่วงเป็นวิธีระบายความเครียด ความคับข้องใจ ความก้าวร้าว พลังส่วนเกิน สถานที่ที่เหมาะสมคือชายหาดสักแห่งหรือลำธารเงียบสงัด กำเปลือกหอยเอาไว้ให้มั่น หินชายหาดก้อนเหมาะมือ จากนั้นปาออกไปให้สุดแรงเท่าที่มีพร้อมทั้งสาปแช่งโชคชะตา (อย่าคิดว่าเด็กจะทำไม่เป็น) เปลือกหอยหรือหินชายหาดเป็นวัสดุธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์ของของเหลือใช้ ของส่วนเกิน ของที่ไม่มีใครเอา ปาของเสียในใจออกไปให้ไกลที่สุด มากที่สุด
แต่ไม่ควรปาปูเสฉวนนะครับ
Cr. นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์